ธรรมนูญสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย
เพื่อให้การดำเนินงานและการประสานงานของสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
มีประสิทธิภาพและบังเกิดผลดีตามวัตถุประสงค์
จึงกำหนดธรรมนูญของสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทยไว้
ดังต่อไปนี้
หมวดที่ ๑
บททั่วไป
ข้อ ๑ ธรรมนูญนี้เรียกว่า ธรรมนูญสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๙
ข้อ ๒ ในธรรมนูญนี้
สภา หมายถึง
สภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย เรียกชื่อย่อว่า
สคมท ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Council
Humanities Deans of Thailand เรียกชื่อย่อว่า CHDT
สถาบัน หมายถึง
สถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานอื่นที่มีการจัดการศึกษา
สาขามนุษยศาสตร์
มนุษยศาสตร์ หมายถึง สาขาวิชาด้านมนุษยศาสตร์ซึ่งมีการจัดการศึกษาและ/หรือ การวิจัยในคณะมนุษยศาสตร์ หรือคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ หรือคณะศิลปศาสตร์ หรือคณะอักษรศาสตร์
หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น
คณบดี หมายถึง ผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี
หรือเทียบเท่าคณบดี ในหน่วยงานที่มีการจัดการศึกษาและการวิจัยสาขามนุษยศาสตร์
คณะกรรมการ หมายถึง
คณะกรรมการสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย
ประธาน หมายถึง
ประธานสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย
รองประธาน หมายถึง
รองประธานสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย
กรรมการ หมายถึง
กรรมการสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย
สมาชิก หมายถึง
สมาชิกสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย
ข้อ ๓ เครื่องหมายของสภา ให้เป็นไปตามมติของสภา
ข้อ ๔ ให้ประธานเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามธรรมนูญนี้
หมวดที่ ๒
ข้อ ๕ สภามีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑)
เพื่อเสนอทิศทางการพัฒนาการศึกษาและการวิจัยสาขามนุษยศาสตร์
สู่ความเป็นเลิศ
ทางวิชาการ
(๒) เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่การวิจัยและการประยุกต์องค์ความรู้สาขามนุษยศาสตร์
เพื่อรับใช้สังคม
(๓) เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานงาน
และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันอื่น
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
(๔) เพื่อให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ
และรับฟังความคิดเห็นในการจัดการศึกษาและการวิจัย
สาขามนุษยศาสตร์ แก่หน่วยงานอื่น
(๕) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันให้ทำงานบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
หมวดที่ ๓
สมาชิก
ข้อ ๖ สภามีสมาชิกสองประเภท คือ
(๑)
สมาชิกสามัญ ได้แก่ คณะมนุษยศาสตร์ หรือคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ หรือคณะศิลปศาสตร์ หรือคณะอักษรศาสตร์
หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น
ซึ่งมีการจัดการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสาขามนุษยศาสตร์ โดยมีคณบดีเป็นผู้แทน
(๒) สมาชิกสมทบ ได้แก่ สถาบัน สมาคม
และองค์กรทางการศึกษาอื่น ซึ่งคณะกรรมการมีมติให้รับเข้าเป็นสมาชิก
ข้อ
๗ การสมัครเข้าเป็นสมาชิกให้ยื่นใบสมัครตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด
สมาชิกภาพเริ่มตั้งแต่วันที่คณะกรรมการมีมติให้รับผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก
ข้อ
๘ สมาชิกมีสิทธิ ดังต่อไปนี้
(๑)
เข้าร่วมประชุมอภิปราย
ซักถามและแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมใหญ่ของสภา
(๒) เสนอข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการในเรื่องใด
ๆ ที่เกี่ยวกับกิจการของสภา
(๓) เข้าร่วมกิจกรรมทุกประเภทของสภา
(๔) ได้รับแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการ
คณะทำงาน หรือผู้แทนสภา เพื่อดำเนินกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตามที่สภาหรือคณะกรรมการมอบหมาย
(๕) มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมใหญ่
และมีสิทธิได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการ
(๖)
สมาชิกสมทบมีสิทธิตามข้อ (๑) (๒) และ (๓)
ข้อ
๙ สมาชิกมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑)
ปฏิบัติตามธรรมนูญ ข้อบังคับ ระเบียบและมติของสภา
(๒) เข้าประชุม ส่งเสริม สนับสนุน
และให้ความร่วมมือในการดำเนินงานการจัดกิจกรรมของสภา
(๓) ชำระค่าบำรุง ตามระเบียบของสภา
ข้อ
๑๐ สมาชิกภาพสิ้นสุดลงเมื่อ
(๑)
ลาออก
(๒) ค้างค่าบำรุงประจำปีติดต่อกันเป็นเวลาสองปี
(๓) ยุบเลิกหน่วยงาน
หมวดที่ ๔
การดำเนินกิจการของสภา
ข้อ
๑๑ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเป็นผู้บริหารงานและดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสภา
ประกอบด้วยกรรมการ จำนวนไม่เกิน ๑๕ คน
ซึ่งเลือกตั้งจากสมาชิกสามัญ โดยสถาบันหนึ่ง
มีผู้แทนได้หนึ่งคน
ข้อ ๑๒ ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการเป็นประธานหนึ่งคน รองประธาน ๒ คน เลขานุการ ๑ คน และกรรมการตำแหน่งอื่นตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๑๓ กรรมการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งอาจได้รับเลือกตั้ง
ให้ดำรงตำแหน่งอีกได้
กรรมการจะดำรงตำแหน่งประธานติดต่อกันเกินสองวาระมิได้
ข้อ ๑๔ ในกรณีที่กรรมการพ้นตำแหน่งคณบดีก่อนครบวาระ
ให้คณบดีซึ่งดำรงตำแหน่งแทนในสถาบันนั้น ๆ
เป็นกรรมการแทน
และให้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงช่วงระยะเวลาที่ยังเหลืออยู่ในวาระนั้น
ในกรณีที่ตำแหน่งประธาน
รองประธานว่างลงก่อนครบวาระ ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการเข้าดำรงตำแหน่งประธาน
รองประธาน และให้ดำรงตำแหน่งเพียงช่วงระยะเวลา
ที่ยังเหลืออยู่ในวาระนั้นของคณะกรรมการคณะนั้น
ข้อ ๑๕ ให้มีการประชุมคณะกรรมการ ปีละไม่น้อยกว่าสองครั้ง การประชุมแต่ละครั้งต้องมีกรรมการ
มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
มติที่ประชุมให้ถือตามเสียงข้างมาก
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ ๑๖ สภามีอำนาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษา
แต่งตั้งอนุกรรมการ หรือคณะทำงานที่เรียกชื่อ อย่างอื่น เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสภา
ข้อ ๑๗ ให้มีสำนักงานสภา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานของสภา โดยมีประธานสภา เป็นหัวหน้าสำนักงาน สำนักงานสภาตั้งอยู่ ณ สถาบันที่ประธานสภาดำรงตำแหน่ง
ประธานสภาอาจแต่งตั้งบุคคล หรือว่าจ้างบุคคลเพื่อปฏิบัติงานในสำนักงานตาม
หลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ ๑๘
ให้สภามีอำนาจในการออกระเบียบว่าด้วย การเงิน หรือระเบียบอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของสภา
หมวดที่
๕
การประชุมใหญ่
ข้อ ๑๙ ให้สภามีการประชุมใหญ่ เรียกว่า
การประชุมสามัญประจำปี ปีละหนึ่งครั้ง การประชุมใหญ่คราวอื่น
นอกจากการประชุมตามวรรคแรกเรียกว่าการประชุมวิสามัญ
ข้อ ๒๐ เมื่อมีเหตุจำเป็น ให้ประธานเรียกประชุมวิสามัญได้
หรือสมาชิกสามัญจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้า
ของจำนวนสมาชิกสามัญทำหนังสือร้องขอต่อประธาน ให้เรียกประชุมวิสามัญ โดยต้องระบุวัตถุประสงค์ของการเรียกประชุมด้วย ในกรณีที่สมาชิกสามัญเป็นผู้ร้องขอ
ให้เรียกประชุมวิสามัญภายในสามสิบวัน
นับแต่วันที่ประธานรับหนังสือคำร้อง
ข้อ ๒๑ ในการประชุมใหญ่ทุกคราว หากคณบดีไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้
ให้มอบหมายให้ผู้อื่นเข้าร่วมประชุมแทนได้
ข้อ ๒๒ ในการประชุมใหญ่ทุกคราว ให้ประธานสภาเป็นประธานในที่ประชุม
ถ้าประธานไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้รองประธานทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถ้ารองประธานไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
ข้อ ๒๓ ในการประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิกสามัญจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสามัญ ทั้งหมด
จึงนับเป็นองค์ประชุม มติของที่ประชุมให้ถือตามเสียงข้างมากของสมาชิกสามัญ ที่มาประชุม
หากสมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุมให้ดำเนินการประชุมได้
จากนั้นประธานเวียนแจ้งข้อสรุปให้สมาชิกทราบเพื่อขอความเห็นชอบ และถือเป็นมติต่อไป
ข้อ ๒๔ ให้สภาจัดทำรายงานประจำปี งบดุล และบัญชีรายได้รายจ่ายประจำปี
ซึ่งมีผู้ตรวจสอบบัญชีรับรอง เสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อรับรอง
หมวดที่
๖
รายได้และเงินอุดหนุน
ข้อ ๒๕ สภามีรายได้จาก
(๑)
ค่าบำรุง ค่าลงทะเบียน ค่าบริการจากสมาชิก
(๒) เงินบริจาค
(๓) เงินรายได้อื่น
หมวดที่
๗
การแก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ ๒๖ การแก้ไขเพิ่มเติมธรรมนูญนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสามัญจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสามัญทั้งหมด
หมวดที่ ๘
เบ็ดเตล็ด
ข้อ
๒๗ ในกรณีที่มีปัญหาอันเกิดจากการตีความธรรมนูญนี้
หรือเกิดจากการที่ธรรมนูญนี้มิได้กำหนดไว้ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของที่ประชุมใหญ่เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด
หมวดที่ ๙
บทเฉพาะกาล
ข้อ
๒๘ ให้คณบดีคณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
และคณะกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมคณบดีมนุษยศาสตร์ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นคณะดำเนินการให้ได้มาซึ่งธรรมนูญ
รับสมัครสมาชิก และเชิญประชุมเลือกคณะกรรมการตามธรรมนูญ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
(รองศาสตราจารย์เฉลียวศรี พิบูลชล)
ประธานสภาคณบดีมนุษยศาสตร์แห่งประเทศไทย